ว่านพังพอน
ชื่อวิทยาศาสตร์ :Tacca integrifolia Ker Gawl.
ชื่อวงศ์ :TACCACEAE
ชื่อสามัญ :Black lily
ชื่อพื้นเมืองอื่นๆ :นิลพูสี (ภาคกลาง), เนียมฤๅษี (เชียงใหม่), ม่านแผลน (นครศรีธรรมราช), ฤๅษีนางครวญ (นราธิวาส) เต่โต่เยง(ม้ง)
ถิ่นกำเนิด :ประเทศไทย
การกระจายพันธ์ในประเทศไทย : ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปในป่าดงดิบชื้น ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 500-1,000 เมตร ในภาคใต้ของประเทศไทยมีมาก
การกระจายพันธ์ในประเทศอื่นๆ :ในต่างประเทศพบที่อินเดีย บังคลาเทศ พม่า จีนตอนใต้ ลาว มาเลเซีย
สภาพนิเวศวิทยา :เป็นไม้ล้มลุกมีเหง้าเจริญตามแนวราบใต้ดิน ชอบขึ้นในที่ชื้น ระบายน้ำได้ดี
และมีแดดรำไร โดยธรรมชาติจะพบในป่าดงดิบชื้น
และมีแดดรำไร โดยธรรมชาติจะพบในป่าดงดิบชื้น
เวลาออกดอก :ออกดอกปลายฝน ดอกของเนระพูสีไทยมีสีม่วงดำ ก้านดอกชูขึ้นมาสูงจากกลางกอ
ช่อดอกเป็นแบบช่อกระจุกดอกออกแน่นล้อมรอบด้วยใบประดับรูปไข่ 2 ใบ ตรงกลางดอก
มีเกสรตัวผู้และตัวเมียสีดำสนิท มีกลีบดอก 2 กลีบ ลักษณะรีรูปทรงกลม รังไข่ใต้วงกลีบ
ดอกด้านใน จะเป็นเส้นยาวคล้ายด้าย ยื่นห้อยลงมา เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ดอกของ
เนระพูสีไทย จะมีลักษณะคล้ายค้างคาวกำลังกางปีก ( จึงได้ชื่อว่า ว่านค้างคาวดำ)
ช่อดอกเป็นแบบช่อกระจุกดอกออกแน่นล้อมรอบด้วยใบประดับรูปไข่ 2 ใบ ตรงกลางดอก
มีเกสรตัวผู้และตัวเมียสีดำสนิท มีกลีบดอก 2 กลีบ ลักษณะรีรูปทรงกลม รังไข่ใต้วงกลีบ
ดอกด้านใน จะเป็นเส้นยาวคล้ายด้าย ยื่นห้อยลงมา เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้ว ดอกของ
เนระพูสีไทย จะมีลักษณะคล้ายค้างคาวกำลังกางปีก ( จึงได้ชื่อว่า ว่านค้างคาวดำ)
การขยายพันธ์ :สามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยวิธีแยกหน่อหรือจะใช้วิธีปลูกด้วยเมล็ดก็ได้แต่ค่อนข้างจะช้ากว่าวิธีแยกหน่อ
การใช้ประโยชน์ทัวไป :ทางอาหาร ใบยอดอ่อน เผาไฟ ลวกต้ม กินกับป่น ลาบ ทางยา หัว หั่นแว่น ดองเหล้า เป็นยกบำรุงกำลัง มูเซอใช้ต้น ใบ ราก ต้มกิน แก้มะเร็งการใช้สอยอื่น ไม้ประดับ
เอกสารอ้างอิง :